เครื่องสำรองไฟ (UPS)

เครื่องสำรองไฟ หรือ UPS (Uninterruptible Power Supply) คืออุปกรณ์ที่ช่วยจ่ายไฟฟ้าแทนแหล่งจ่ายไฟหลักในช่วงสั้น ๆ เมื่อไฟดับหรือไฟตก เพื่อให้อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น คอมพิวเตอร์ สามารถทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่เกิดความเสียหาย และมีเวลาเพียงพอให้บันทึกงานกับปิดเครื่องแบบปกติ

MUNKONGBATTERY เรามี เครื่องสำรองไฟ (UPS) หลายรุ่น/ขนาดจำหน่าย ทั้งเครื่องสำรองไฟสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เซิร์ฟเวอร์ จนถึงระบบสำรองไฟขนาดใหญ่สำหรับธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานประกอบการต่าง ๆ

เลือกซื้อเครื่องสำรองไฟ (UPS)

การซื้อเครื่องสำรองไฟ (UPS) ควรเลือกประเภทของเครื่องสำรองไฟให้เหมาะกับการใช้งาน ประกอบด้วย

  • เครื่องสำรองไฟแบบ Standby/Offline - เรียบง่ายและราคาถูก หลักการทำงานคือ เมื่อไฟดับ UPS จะสลับไปใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในระยะเวลา (ประมาณ 4-10 มิลลิวินาที) เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่ต้องการความเสถียรของไฟฟ้ามาก เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
  • เครื่องสำรองไฟแบบ Line-Interactive - คล้ายแบบ Standby แต่เพิ่มวงจรปรับแรงดันไฟ AVR (Automatic Voltage Regulator) ช่วยรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ขึ้น เหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์ เครือข่าย และอุปกรณ์สื่อสารที่อ่อนไหวต่อคุณภาพไฟฟ้า
  • เครื่องสำรองไฟแบบ Online/Double Conversion - ระดับการป้องกันสูงสุด จ่ายไฟจากแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ตลอดเวลา ขณะไฟปกติก็จะชาร์จแบตเตอรี่ไปด้วย ทำให้แรงดันไฟคงที่มาก ไม่กระตุกไม่ผันผวน เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่ละเอียดอ่อน เช่น เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเครื่องจักรอุตสาหกรรม

คู่มือการเลือกเครื่องสำรองไฟ

  1. ขนาด VA (Volt-Amp) – บอกกำลังไฟที่เครื่องสำรองไฟจ่ายได้ ควรเลือก VA ให้มากกว่าการใช้งานจริง 1.2-1.5 เท่า ถ้ามีอุปกรณ์ต่อพ่วงหลายตัวควรรวมขนาด VA ของทุกอุปกรณ์
  2. พอร์ตต่อใช้งาน – ควรมีจำนวนพอร์ต (เต้าเสียบไฟ) มากพอกับอุปกรณ์ที่ต้องการต่อใช้ ถ้าต่อใช้พร้อมกันหลายอย่าง บางเครื่องจะแยกพอร์ตสำรองไฟกับพอร์ตป้องกันไฟกระชาก
  3. ระยะเวลาสำรองไฟ – พิจารณาว่าต้องการเวลาแค่ไหนในการทำงานต่อ หรือปิดเครื่องหลังไฟดับ เช่น 5-30 นาที เวลาสำรองไฟจะขึ้นอยู่กับจำนวน VA ของแบตเตอรี่
  4. คุณสมบัติอื่น ๆ เช่น ป้องกันไฟกระชาก ฟ้าผ่า ตัดไฟเองเมื่อเกินพิกัด เสียงเตือน ไฟแสดงสถานะ รีโมทควบคุม การประหยัดไฟ หรือพอร์ต USB แนะนำเลือกตามความจำเป็น

การดูแลรักษาเครื่องสำรองไฟ

    • ติดตั้งเครื่องสำรองไฟบริเวณที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่โดนแสงแดดหรือความร้อนโดยตรง
    • เลี่ยงการวางสิ่งของทับหรือปิดกั้นช่องระบายอากาศของ UPS
    • ทดสอบการทำงานเครื่อง UPS เป็นประจำทุก 1-3 เดือน ด้วยการถอดปลั๊กออกเพื่อจำลองสถานการณ์ไฟดับ
    • เปลี่ยนแบตเตอรี่เครื่องสำรองไฟตามอายุการใช้งานที่ผู้ผลิตกำหนด (ปกติประมาณ 2-5 ปี)
    • ทำความสะอาดเป็นประจำ ใช้ผ้านุ่มเช็ดฝุ่นละอองออก

ซื้อเครื่องสำรองไฟกับเรา MUNKONGBATTERY

ร้านมั่นคงแบตเตอรี่ (MUNKONGBATTERY) ผู้จัดจำหน่ายและศูนย์บริการ เครื่องสำรองไฟ หลายรุ่นจากยี่ห้อชั้นนำ พร้อมแนะนำการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟ UPS ให้เหมาะกับการใช้งาน มีบริการจัดส่งทั่วประเทศ

FAQ เกี่ยวกับเครื่องสำรองไฟ (UPS)

เครื่องสำรองไฟสามารถใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทุกชนิดไหม?

ไม่ทุกชนิดครับ เครื่องสำรองไฟทั่วไปเหมาะกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้า เช่น คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูงหรือมีมอเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เพราะ UPS จะทำงานหนักเกินและเสียหายได้

เครื่องสำรองไฟเสียงดังอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น พัดลมระบายความร้อนภายใน UPS ทำงาน, แบตเตอรี่กำลังชาร์จไฟ, ระบบแจ้งเตือนเวลาไฟดับ หรือสัญญาณเตือนเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ถ้าเสียงดังผิดปกติหรือดังมากเกิน ควรติดต่อช่างเพื่อตรวจเช็คครับ

อายุใช้งานของแบตเตอรี่เครื่องสำรองไฟ ประมาณ 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพแบตเตอรี่, สภาพแวดล้อมในการใช้ และการดูแลรักษา ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ หรือเมื่อสังเกตเห็นสัญญาณแบตเสื่อม เช่น ระยะเวลาสำรองไฟสั้นลง, UPS แจ้งเตือนแบตเตอรี่เสื่อม

ไฟดับบ่อย ๆ ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่เครื่องสำรองไฟครับ เพราะแบตเตอรี่ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อจ่ายไฟสำรอง แนะนำให้ตรวจหาสาเหตุของไฟฟ้าดับบ่อยและแก้ไขที่ต้นเหตุ หรือเลือกใช้ UPS ที่มีระบบ AVR ช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่

ควรติดตั้งเครื่องสำรองไฟ (UPS) ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก, ทดสอบการทำงานเป็นประจำ, ทำความสะอาดฝุ่นละออง และเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามอายุการใช้

ระยะเวลาสำรองไฟขึ้นอยู่กับขนาดของ UPS (VA/Watt) กับปริมาณการใช้พลังงานของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ทั่วไปประมาณ 5-30 นาที สามารถตรวจเช็คระยะเวลาสำรองไฟโดยประมาณได้จากสเปคของ UPS แต่ละรุ่นครับ

คำนวณโดยการรวมค่ากำลังไฟฟ้า (Watt) ของอุปกรณ์ทั้งหมด ที่ต้องการต่อกับเครื่องสำรองไฟ และบวกเพิ่มอีกประมาณ 20-25% จะได้ค่า VA ขั้นต่ำ เช่น ถ้าอุปกรณ์ทั้งหมดมีกำลังไฟฟ้ารวม 500 วัตต์ ก็ควรเลือก UPS ที่มีขนาดอย่างน้อย 600-625 VA ครับ