แบตเตอรี่รถกอล์ฟ

1. ประเภทรถกอล์ฟและแรงดันไฟฟ้า (Voltage) – รถกอล์ฟแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ ถูกออกแบบมาให้ใช้กับแบตเตอรี่ที่มีแรงดันไฟแตกต่างกัน เช่น 36 โวลต์, 48 โวลต์ หรือ 72 โวลต์ การเลือกต้องเช็คจากคู่มือรถหรือสอบถามผู้เชี่ยวชาญครับ เพราะการใช้แรงดันไฟไม่ถูกต้อง อาจทำให้ระบบไฟฟ้าของรถเสียหายได้
2. ความจุแบตเตอรี่ (Ampere-hour: Ah) – แบตเตอรี่ที่มีค่า Ah สูง จะสามารถจ่ายไฟได้นานขึ้น ทำให้รถกอล์ฟวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ถ้าใช้งานรถกอล์ฟบ่อย ๆ และวิ่งระยะทางไกล ก็ควรเลือกแบตเตอรี่รถกอล์ฟที่มีความจุสูง
3. ประเภทแบตเตอรี่ – ตามที่บอกก่อนหน้า ว่าแบตเตอรี่รถกอล์ฟหลัก ๆ มี 2 ประเภท คือ
   1. แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด (Lead-Acid)
      • แบบน้ำ (Flooded) ต้องคอยเติมน้ำกลั่น ราคาถูกสุด แต่ดูแลรักษามากกว่า
      • แบบแห้ง (Sealed/Maintenance-Free) ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น สะดวกกว่า แต่ราคาสูงกว่าแบบน้ำ
   2. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-Ion) มีน้ำหนักเบา ขนาดเล็ก จ่ายไฟได้เสถียร ชาร์จได้เร็ว อายุการใช้
4. ขนาดและน้ำหนักแบตเตอรี่ – เลือกแบตเตอรี่รถกอล์ฟที่ขนาดพอดีกับช่องใส่แบตเตอรี่ของรถกอล์ฟ เพราะขนาดใหญ่เกินอาจติดตั้งไม่ได้ หรือทำให้รถมีน้ำหนักมากเกิน ในทางกลับกัน แบตเตอรี่ที่เล็กไปก็อาจจ่ายไฟได้ไม่พอ
5. สภาพอากาศและอุณหภูมิ – ถ้าอาศัยในพื้นที่ที่อากาศร้อนจัด หรือเย็นจัด ควรเลือกแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพอากาศนั้น ๆ

เปรียบเทียบแบตเตอรี่รถกอล์ฟมือหนึ่งและมือสอง